ปัญหาภาษาอังกฤษของคนไทย ไม่กล้าพูดทั้งที่เรียนมาเยอะ มาดูวิธีแก้กัน!
- Guitar SkillLane
- 23 พ.ย.
- ยาว 2 นาที
ถ้าให้ลองมองย้อนกลับไป ชีวิตเราผ่านการเรียนภาษาอังกฤษมามากมาย ตั้งแต่ชั้นประถม มัธยม มหาวิทยาลัย ไปจนถึงอบรมในวัยทำงาน หลายคนเสียเงินเรียนเพิ่มเติมอีกด้วยซ้ำ แต่พอถึงเวลาที่ต้องใช้จริง เช่น ประชุมกับต่างชาติ ตอบอีเมล หรือคุยกับนักท่องเที่ยว เรากลับรู้สึก “พูดไม่ออก” หรือ “กล้า ๆ กลัว ๆ”
ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์เลย แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกปัญหาภาษาอังกฤษของคนไทยแบบเจาะลึก พร้อมปิดท้ายด้วยวิธีฝึกที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องใช้เงินเยอะ

"ภาษาอังกฤษของคนไทย" ปัญหาที่เหมือนจะเล็ก แต่กระทบทั้งงานและชีวิตประจำวัน
ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนอีกแล้ว มันอยู่ในงานเอกสาร การนำเสนอ การประชุมกับต่างชาติ การใช้งาน AI การเดินทางท่องเที่ยว ไปจนถึงการเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ทางอาชีพ และไม่ใช่แค่พนักงานบริษัทเท่านั้น แม้แต่เจ้าของกิจการ คนทำงานอิสระ หรือครีเอเตอร์ก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ทำไมในยุคที่มีสื่อดี ๆ ให้เรียนเต็มไปหมด คนไทยจำนวนมากยังรู้สึกว่า “ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องน่ากลัว”?
จริง ๆ แล้วมันมีคำอธิบายที่ชัดเจนอยู่หลายข้อ ซึ่งถ้ารู้แล้ว เราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น และแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นมาก
สาเหตุที่ทำให้คนไทยไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ ทั้งที่เรียนมานาน
จากการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เรียนกว่า 20 ปีของครูสอนภาษา ผู้เชี่ยวชาญการเรียนรู้ และข้อมูลจากงานวิจัยด้านภาษาศาสตร์ พบว่าสาเหตุหลัก ๆ มีอยู่ 3 ข้อดังนี้
1️⃣ การเรียนภาษาอังกฤษแบบเน้น “สอบ” มากกว่า “ใช้จริง”
ระบบการเรียนภาษาอังกฤษของไทยส่วนใหญ่ใช้เวลามากกว่า 80% ไปกับเรื่องต่อไปนี้
การท่องจำคำศัพท์
การทำแบบฝึกหัด Grammar
การตอบข้อสอบ Reading
การทำแบบทดสอบเชิงโครงสร้างประโยค
ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็น แต่ไม่ได้ทำให้ “พูดได้จริง” เพราะทักษะการพูดต้องอาศัยองค์ประกอบมากกว่า เช่น
การฟังสำเนียงจริง
การสร้างประโยคทันทีโดยไม่คิดนาน
การออกเสียงถูกต้อง
ความมั่นใจในการสื่อสาร
เมื่อผู้เรียนไม่คุ้นกับสถานการณ์จริง ก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่า “พูดไม่ได้” ทั้งที่จริง ๆ แล้ว “ไม่ได้ถูกฝึกให้พูดต่างหาก”
ระบบการเรียนที่ดีควรให้ผู้เรียนใช้ภาษาในสถานการณ์จริงตั้งแต่วันแรก แต่ในไทยมักเริ่มฝึกพูดในระดับชั้นที่สูงขึ้น ทำให้นักเรียนคุ้นกับภาษาบนกระดาษมากกว่าเสียงสนทนา
2️⃣ ขาดความมั่นใจ และกลัวการถูกตัดสิน
แม้คนไทยจำนวนมากจะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษพอสมควร แต่กลับไม่กล้าใช้เพราะ
กลัวพูดผิด
กลัวโดนหัวเราะ
กลัวถูกติเรื่องสำเนียง
กลัวคนคิดว่า “ไม่เก่งภาษาอังกฤษ”
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทั้งในโรงเรียน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในสังคมทั่วไป ความรู้สึกกดดันเล็ก ๆ แบบนี้ค่อย ๆ สะสมจนทำให้หลายคนเลือกเงียบมากกว่าพูด เพราะคิดว่า “เงียบไว้ปลอดภัยกว่า เดี๋ยวพูดผิดจะน่าอาย”
ทั้งที่การสื่อสารภาษาที่สอง ทุกคน “ต้องผิดก่อน” ถึงจะเก่ง ไม่มีใครพูดได้คล่องตั้งแต่วันแรก แม้แต่เจ้าของภาษายังผิด Grammar เป็นบางครั้งด้วยซ้ำ
3️⃣ ไม่ได้ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ทักษะ “หายไปทีละนิด”
ทักษะภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่ต้องใช้บ่อย ๆ หาก
เรียนเฉพาะตอนสอบ
ได้คะแนนดีแต่ไม่เคยใช้พูดจริง
ไม่ฟังคลิปเสียงหรือบทสนทนา
ไม่อ่าน ไม่เขียน
สุดท้ายทักษะจะค่อย ๆ หายไป แม้พื้นฐานที่เคยมีจะยังอยู่ แต่การดึงออกมาใช้จะยากขึ้น เหมือนเครื่องมือที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ทำให้สนิมเกาะจนใช้งานไม่คล่อง นี่คือเหตุผลที่หลายคนรู้สึกว่า “เคยเรียน เคยรู้ แต่พูดไม่ออก” เพราะสมองไม่คุ้นที่จะใช้ข้อมูลนั้นในสถานการณ์จริง จึงทำให้การพูดช้าหรือติดขัดเมื่อเจอเจ้าของภาษา
แล้วจะทำอย่างไรให้ “กล้าพูดภาษาอังกฤษ” มากขึ้น? นี่คือ 4 วิธีง่าย ๆ ที่ทำได้จริง!
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่รู้สึกว่าพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง หรือกลัวที่จะพูด ข่าวดีคือ ทักษะนี้ฝึกให้เก่งขึ้นได้ 100% โดยไม่จำเป็นต้องเรียนหลักสูตรราคาแพง การเริ่มต้นจาก “นิสัยเล็ก ๆ” เพียงไม่กี่อย่างสามารถเปลี่ยนความมั่นใจได้แบบชัดเจน
1️⃣ ลองเริ่ม “คิดเป็นภาษาอังกฤษ” ก่อนพูด
สาเหตุที่เราพูดช้า ไม่คล่อง เป็นเพราะสมองต้องทำงาน 3 ขั้นตอน
คิดเป็นภาษาไทย
แปลเป็นภาษาอังกฤษ
เรียบเรียงประโยคและพูดออกไป
ขั้นตอนนี้ทำให้การพูดช้าลงแบบเห็นได้ชัด
วิธีแก้คือ “เริ่มคิดเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่ต้นทาง” เช่น
ตอนเดินเข้าห้องประชุม → I need to prepare the document.
ตอนคิดว่าจะกินอะไร → What should I eat today?
ตอนหาเสื้อผ้า → This one looks good.
เมื่อสมองคุ้นกับภาษาอังกฤษ การพูดจะลื่นขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องแปลก่อนเหมือนเดิม
2️⃣ ลืมเรื่อง Grammar ไปก่อน (ในช่วงเริ่มต้น)
สำหรับผู้เริ่มต้นฝึกพูด ควรเน้น “สื่อสารให้รู้เรื่อง” มากกว่า “สื่อสารให้ถูกทุกประโยค” ผู้เรียนจำนวนมากหยุดพูด เพราะมัวคิดเรื่องต่อไปนี้
tense ถูกไหม?
ต้องเติม s ไหม?
ใช้ were หรือ was?
ใช้ a หรือ an?
จริง ๆ แล้วเจ้าของภาษาให้ความสำคัญกับ 'ความหมาย' มากกว่าโครงสร้าง 100% และไม่มีเจ้าของภาษาคนไหนรอจับผิด Grammar ของคุณ
เป้าหมายช่วงแรกคือ "พูดออกไปก่อน พูดผิดค่อยแก้ แต่อย่าหยุดพูด"
3️⃣ ฝึก “ฟัง” ให้มากขึ้น – ยิ่งฟังเยอะ ยิ่งพูดได้ไว
ทักษะการฟังคือรากฐานสำคัญของทักษะการพูด เพราะการฟังช่วยให้เราเรียนรู้แบบเป็นธรรมชาติ เช่น สำเนียงการออกเสียง, รูปประโยคที่ใช้จริงในบทสนทนา, วิธีเว้นจังหวะ, โทนเสียงทางอารมณ์
แนะนำให้ฟังทุกวัน แม้วันละ 10–15 นาที เช่น
ข่าวภาษาอังกฤษ (BBC, CNN)
Podcast เช่น ESLPod, VoiceTube
YouTube สอนภาษา
เพลงภาษาอังกฤษ
ซีรีส์หรือหนังฝรั่ง (เปิดซับอังกฤษ)
เมื่อฟังมากขึ้น สมองจะจดจำรูปแบบการพูดโดยไม่ต้องท่องจำ
4️⃣ เลือกแหล่งเรียนรู้ที่ถูกต้องและเชื่อถือได้
การเริ่มต้นที่ดีช่วยให้เรียนเร็วขึ้น 2–3 เท่า การเลือกเนื้อหาที่เหมาะกับระดับและคุณภาพดีจะทำให้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น เช่น
สำนักข่าวภาษาอังกฤษ
หนังสือเรียนที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาพัฒนา
คอร์สออนไลน์ที่มีคุณภาพจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ เช่น SkillLane
คลิปสอนออกเสียง หรือการพูดเพื่อใช้งานจริง
คอร์สภาษาอังกฤษแบบ Basic – Advanced
การลงทุนกับแหล่งข้อมูลที่ดี ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปกับเนื้อหาที่ผิดหลัก หรือไม่เหมาะกับระดับของตัวเอง
การพูดภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยาก หากรู้ “วิธีเริ่มต้นที่ถูกต้อง”
ความจริงแล้วคนไทยไม่ได้ “พูดภาษาอังกฤษไม่ได้” แต่เป็นเพราะไม่ค่อยได้ฝึกในรูปแบบที่เหมาะสม และมักถูกสภาพแวดล้อมทำให้ไม่กล้าแสดงออก แต่ทุกอย่างแก้ได้ด้วยการคิดเป็นภาษาอังกฤษ, ลดความกังวลเรื่อง Grammar, ฟังภาษาอังกฤษทุกวัน และเลือกเรียนจากแหล่งที่เชื่อถือได้
ถ้าคุณเริ่มวันนี้ แม้วันละ 15–20 นาที ภายในไม่กี่สัปดาห์คุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง ทั้งความมั่นใจ คำศัพท์ ความคล่อง และการสื่อสารที่ดีขึ้น การพูดภาษาอังกฤษไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็น “ทักษะ” ที่ฝึกให้เก่งได้ทุกคน

.jpg)
.jpg)





