top of page

วางแผนการเงินให้โตด้วย SMART Goals เมื่อการเงินเป็นระบบ ตอนจบก็มีเงินเก็บ

  • Guitar SkillLane
  • 22 พ.ย.
  • ยาว 1 นาที

การออมเงินเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินในชีวิต แต่หลายครั้งที่เราพยายามออมเงินโดยปราศจากทิศทางที่ชัดเจน ทำให้เป้าหมายทางการเงินล้มเหลวหรือยากที่จะบรรลุ หลายคนอาจเคยตั้งเป้าว่า “อยากเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ” แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับพบว่าการออมเงินไม่ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้


หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้การออมเงินมีประสิทธิภาพ คือ SMART Goals ซึ่งเป็นหลักการตั้งเป้าหมายที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะในชีวิตส่วนตัวหรือธุรกิจ ในบทความนี้ SkillLane จะพาคุณไปรู้จักกับหลักการ SMART Goals และวิธีประยุกต์ใช้เพื่อวางแผนการออมเงินในแบบที่ชัดเจน วัดผลได้ และทำได้จริง


วางแผนการเงินให้โตด้วย SMART Goals เมื่อการเงินเป็นระบบ ตอนจบก็มีเงินเก็บ


SMART Goals คืออะไร?


SMART Goals คือการตั้งเป้าหมายโดยยึดหลัก 5 องค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยให้เป้าหมายนั้นเป็นไปได้จริง มีความชัดเจน และสามารถติดตามความคืบหน้าได้


ตัวอักษร S-M-A-R-T ประกอบด้วย

  • S – Specific (ชัดเจน)

  • M – Measurable (วัดผลได้)

  • A – Achievable (ทำสำเร็จได้)

  • R – Realistic (เป็นไปได้)

  • T – Time-bound (มีกรอบเวลา)

หลักการนี้ช่วยให้การตั้งเป้าหมายการออมเงินไม่ใช่แค่ “ความฝัน” แต่กลายเป็นแผนปฏิบัติได้จริง


S – Specific : ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน


เป้าหมายที่ดีต้อง เฉพาะเจาะจงและชัดเจน คุณควรรู้ว่ากำลังออมเงินเพื่ออะไร จำนวนเงินเท่าไหร่ และต้องการบรรลุเป้าหมายเมื่อไหร่

  • ตัวอย่างเป้าหมายแบบไม่ชัดเจน “ฉันอยากเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ”

  • ตัวอย่างเป้าหมายที่ชัดเจน “ฉันต้องการเก็บเงิน 100,000 บาท ภายใน 1 ปี เพื่อดาวน์รถยนต์”


ข้อดีของการตั้งเป้าหมายชัดเจน

  • รู้ว่าจะต้องทำอะไร

  • สามารถวางแผนขั้นตอนการออมเงินได้

  • ลดโอกาสที่เป้าหมายจะล้มเหลว


M – Measurable : วัดผลได้


การตั้งเป้าหมายที่ดีต้อง วัดผลได้ เพื่อให้สามารถติดตามความคืบหน้าและประเมินว่าคุณกำลังเข้าใกล้เป้าหมายหรือไม่

  • ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายที่วัดผลได้ “ฉันจะเก็บเงินเดือนละ 8,500 บาท เพื่อให้ครบ 100,000 บาทใน 1 ปี”


ประโยชน์ของเป้าหมายที่วัดผลได้

  • คุณรู้ว่าต้องออมเงินเดือนละเท่าไหร่

  • สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด

  • เพิ่มแรงจูงใจเมื่อเห็นความคืบหน้า


A – Achievable : ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง


เป้าหมายควรมีความท้าทาย แต่ไม่เกินกำลังของคุณ การตั้งเป้าหมายที่ทำไม่ได้อาจทำให้ท้อและล้มเลิกกลางทาง ตัวอย่างเช่น หากคุณมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท การตั้งเป้าหมายเก็บเงิน 1 ล้านบาทภายใน 1 ปี อาจไม่สมเหตุสมผล ควรปรับเป้าหมายให้สอดคล้องกับรายได้และค่าใช้จ่าย


วิธีประเมินว่าเป้าหมายทำได้จริงหรือไม่

  • วิเคราะห์รายได้และค่าใช้จ่ายปัจจุบัน

  • คำนวณจำนวนเงินที่สามารถออมได้ต่อเดือน

  • ตรวจสอบว่าสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่


R – Realistic : ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้


เป้าหมายต้อง สอดคล้องกับความเป็นจริง อย่าตั้งเป้าหมายที่เพ้อฝันหรือเกินตัว ตัวอย่างเช่น คุณมีภาระค่าใช้จ่ายมาก แต่ตั้งเป้าเก็บเงินเดือนละ 15,000 บาท อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง แนะนำให้ตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม เช่น 5,000–8,000 บาทต่อเดือน ตามความสามารถ


การตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ช่วยให้

  • ลดความเครียดจากการออมเงิน

  • ทำให้เป้าหมายใกล้ความจริงและสามารถบรรลุได้


T – Time-bound : กำหนดกรอบเวลา


การมีกรอบเวลาที่ชัดเจนช่วยให้คุณมุ่งมั่นและมีแรงจูงใจมากขึ้น ตัวอย่างเช่น “ฉันจะเก็บเงิน 100,000 บาท ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2569”


ข้อดีของการกำหนดเวลา

  • วางแผนการออมเงินได้เป็นขั้นตอน

  • มีแรงกดดันเชิงบวกที่ช่วยให้ทำตามแผน

  • ง่ายต่อการติดตามความคืบหน้า


ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายการออมเงินแบบ SMART Goals


สมมติคุณต้องการซื้อคอนโดใน 6 เดือน คุณสามารถตั้งเป้าหมายการออมเงินแบบ SMART Goals ได้ดังนี้


  • Specific: ต้องการเก็บเงิน 50,000 บาท เพื่อนำไปดาวน์คอนโด

  • Measurable: จะเก็บเงินเดือนละ 8,400 บาท

  • Achievable: รายได้และค่าใช้จ่ายปัจจุบันสามารถออมได้เดือนละ 8,400 บาท

  • Realistic: เป้าหมายสอดคล้องกับสถานะทางการเงินและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

  • Time-bound: เริ่มออมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และบรรลุเป้าหมายภายใน 6 เดือน


ข้อดีของการตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goals


1. มีทิศทางที่ชัดเจน: คุณรู้ว่าต้องออมเงินเพื่ออะไร

2. วัดความคืบหน้าได้: ไม่เสียเวลาโดยไม่รู้ว่าควรออมเท่าไหร่

3. สร้างความสำเร็จที่เป็นไปได้จริง: ลดโอกาสที่จะล้มเหลว

4. เพิ่มแรงจูงใจ: การเห็นความคืบหน้าช่วยให้มีกำลังใจต่อเนื่อง

5. วางแผนได้อย่างเป็นระบบ: สามารถบริหารจัดการรายรับ-รายจ่ายได้ดี


เคล็ดลับเพิ่มโอกาสสำเร็จในการออมเงิน


นอกจากการตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goals คุณยังสามารถทำให้การออมเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเคล็ดลับเหล่านี้


1. แยกบัญชีออมเงินเฉพาะ

สร้างบัญชีออมเงินแยกจากบัญชีใช้จ่าย เพื่อไม่ให้เงินออมถูกใช้จ่ายโดยไม่ตั้งใจ


2. ออมเงินแบบอัตโนมัติ

ตั้งระบบหักเงินอัตโนมัติจากบัญชีหลักไปบัญชีออมเงินทุกเดือน


3. ตรวจสอบความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ

ทบทวนเป้าหมายทุกเดือน ปรับแผนการออมเงินหากจำเป็น


4. ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย

ตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และปรับเพื่อลดรายจ่ายที่สามารถเพิ่มการออมได้


5. สร้างแรงจูงใจจากรางวัลเล็ก ๆ

ให้รางวัลตัวเองเล็ก ๆ เมื่อบรรลุเป้าหมายย่อย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ต่อเนื่อง


สรุป


การตั้งเป้าหมายการออมเงินแบบ SMART Goals เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการวางแผนและบริหารการเงินส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณนำหลักการนี้ไปปรับใช้ จะช่วยให้การออมเงินของคุณมีทิศทางชัดเจน วัดผลได้ และสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคง


เริ่มตั้งเป้าหมายการออมเงินของคุณวันนี้! ใช้หลักSMART Goals เพื่อวางแผนการเงินอย่างมีระบบ และเตรียมตัวสู่ความมั่นคงทางการเงินในอนาคต 🌟

แองเคอ 1

เริ่มสมัครคอร์สเรียนออนไลน์ที่ SkillLane

รับส่วนลดคูปองทันที 300 บ. สำหรับการซื้อครั้งแรกเท่านั้น!

Related Blog

Logo_SKL_White.png
สถาบันออนไลน์ สำหรับคนที่ต้องการความก้าวหน้าสอนโดยผู้เชี่ยวชาญ จากประสบการณ์จริง

บริษัท สกิลเลน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้นที่ 35 ห้อง 3501 และ 3512, เลขที่ 1 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

​ทีมงานของเราพร้อมช่วยตอบทุกคำถามของคุณ

02-821-5524 (จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 9:00 - 17:00 น.)

Line.png

(จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9:00 - 20:00 น. หรือ เสาร์ - อาทิตย์ รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 9:00 - 17:00 น.)

SkillLane © 2025 SkillLane.com All rights reserved.

bottom of page